ต้นเดือนของเดือนกุมภาพันธ์นี้ก็ใกล้วันตรุษจีน 2564 แล้ว หลายคนคงสงสัยกันสินะ ประวัติวันตรุษจีน เป็นอย่างไร ทำไมวันตรุษจีน คนจีนถึงไม่เริ่มไหว้กันตั้งแต่ต้นปีเหมือนชาติอื่น ๆ เขา แล้วทำไมวันตรุษจีนถึงต้องให้ซองแดง หรือที่เราเรียกกันว่า “อั่งเปา” กันด้วย นอกจากนี้ยังมีวัฒนธรรมประเพณีอีกมากมายที่เรายังสงสัย ทั้งของไหว้ วันไหว้ที่มีมากถึง 15 วันด้วยกัน ซึ่งแต่ละวันก็มีวัตถุประสงค์คนละอย่างอีก วันนี้ HappyFresh จึงจะมาไขข้อข้องใจ บอกตำนาน และ ประเพณีตรุษจีน ให้เราหายสงสัยกัน
ประวัติวันตรุษจีน
สาเหตุที่วันปีใหม่ของคนจีนไม่ได้เริ่มขึ้นพร้อมกับประเทศอื่น เนื่องมาจากว่าช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีนนั้นเป็นฤดูหนาว มีหิมะปกคลุมเต็มไปหมด ไม่สามารถทำการเกษตร เพาะปลูกได้ จึงไม่เหมาะต่อการเฉลิมฉลอง จนกระทั่งเมื่อเข้าถึงฤดูใบไม้ผลิ พืชผลกลับมาเจริญงอกงาม ชาวจีนจึงกำหนดให้วันแรกของฤดูใบไม้ผลิเป็น “วันตรุษจีน” นั่นเอง
ธรรมเนียมการให้อั่งเปา
ภาษาจีน “อั่ง” แปลว่า สีแดง “เปา” แปลว่า ซอง รวมกันจึงแปลว่า ซองสีแดงนั่นเอง อีกทั้งสีแดง สำหรับคนจีนสื่อถึงความมั่งมีศรีสุข การใส่ธนบัตรลงไปในซองแดงก็หมายถึงการอวยพรให้ผู้รับรวย ๆ เฮง ๆ ส่วนใหญ่มักจะมอบให้คนในครอบครัว ญาติ โดยเฉพาะกับคนที่มีอายุน้อยกว่า เช่น ลูกหลาน หรือลูกน้อง เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงาน
การประดับตกแต่งบ้าน
สีแดง อย่างที่ทุกคนรู้ว่าเป็นสีนำโชค ดังนั้นการประดับตกแต่งภายในบ้านด้วยของตกแต่งที่ล้วนเป็นสีแดงและสีทอง พวกเขาเชื่อว่าเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต รวมทั้งการแต่งกายวันนี้ก็จะเป็นสีแดงเช่นกัน เสื้อสีแดง หรือ ชุดกี่เพ้า ซึ่งเป็นชุดประจำเทศกาลของผู้หญิงนั่นเอง
- โคมสีแดง
- กระดิ่งหรือระฆังสีทอง
- ป้ายตัวอักษรจีนมงคล หรือเรียกว่า ตุ้ยเหลียน คนสมัยก่อนมักจะแขวนป้ายแกะสลักตัวอักษรจีน แต่สมัยนี้นิยมใช้เป็นกระดาษสีแดง ตัวอักษรจีนสีทองแทน
- ภาพมงคล เช่น ภาพวาดมังกร เทพเจ้าของจีน
- ดอกโบตั๋น สื่อถึง
ที่มาของการเชิดสิงโต
คนจีนเชื่อว่า “สิงโต” เป็นบุตรของมังกรที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาบุตรทั้งหมด ดังนั้น สิงโตจึงมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ถึงพลังอำนาจ ความกล้าหาญและจงรักภักดี และยังมีความเชื่อว่าสิงโตเป็นเทพเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ แค่เพียงเสียงคำรามของสิงโต ก็สามารถปัดเป่าวิญญาณและสิ่งชั่วร้ายออกไปได้
การเชิดสิงโตเป็นประเพณีที่มีมาอย่างยาวนานของจีน เป็นการเต้นรำที่ลอกเลียนการเคลื่อนไหวของสิงโต โดยการใส่ชุดสิงโต โดยที่ต้องใช้นักเต้นด้วยกัน 2 คน เป็นส่วนขาหน้าและขาหลังนั่นเอง การแสดงเชิดสิงโตนี้
15 วันของการไหว้ตรุษจีน
- วันแรกของวันตรุษจีน – ถือเป็นวันที่เทวดาจากสวรรค์จะลงมายังโลกมนุษย์ หลายคนจึงถือว่าเป็นวันถือ จะไม่สามารถทานเนื้อสัตว์ได้ในวันนี้ เพราะเชื่อว่าจะทำให้อายุยืน
- วันที่ 2 – เป็นวันไหว้ วันนี้ทุกคนในครอบครัวจะรวมตัวกัน เพื่อเคารพบูชาบรรพบุรุษและเทวดา
- วันที่ 3 และ 4 – วันนี้ลูกเขยจะมาไหว้พ่อตาแม่ยายของฝ่ายหญิง
- วันที่ 5 – ทุกคนในครอบครัวจะรวมตัวกันที่บ้าน ไม่ออกไปไหน เพราะเชื่อว่าวันนี้เทพเจ้าและเหล่าเทวดาจะมาเยือนบ้านของตร
- วันที่ 6 – ในวันนี้ ทุกคนจะเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวและญาติของตน พากันออกไปทำบุญไหว้พระไหว้เจ้า
- วันที่ 7 – ชาวนาและเกษตกรชาวจีนจะเก็บผลิตผลที่ได้มามาเฉลิมฉลองกันในวันนี้ อีกทั้งวันนี้ยังเสมือนวันเกิดของมนุษย์ ชาวจีนจึงนิยมรับประทานหมี่ซั่ว เพราะเชื่อว่าการทานอาหารที่ทำจากเส้น จะมีชีวิตยืนายาว
- วันที่ 8 – เป็นการรวมตัวกันของครอบครัวอีกครั้ง เพื่อมารับประทานอาหารกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา และจะสวดมนต์ตอนเที่ยงคืน เพื่อขอพรจากเทพเทียนกง เทพแห่งสรวงสวรรค์
- วันที่ 9 – เป็นวันที่จะถวายอาหารและสวดขอพรเง็กเซียนฮ่องเต้
- วันที่ 10 – 12 – เป็นวันของญาติ ๆ และผองเพื่อน มีการเชิญกันมารับประทานอาหารมื้อเย็นกันที่บ้าน
- วันที่ 13 – วันนี้ทุกคนจะรับประทานอาหารบ้าน ๆ ที่ทำขึ้นมาง่าย ๆ เช่น ข้าวกับผักดอง เช่น กิมจิ เพื่อถือเป็นการชำระร่างกายจากเนื้อที่เรารับประทานมาหลายวัน
- วันที่ 14 – มีการเฉลิมเฉลิมด้วยโคมไฟสีแดง ในคืนวันที่ 15 ถือเป็นวันสุดท้ายของการฉลองวันตรุษจีน
ประวัติวันตรุษจีนและการเฉลิมฉลองอันยาวนานของวันตรุษจีนก็เป็นอันสิ้นสุด ถึงแม้ว่าเทศกาลนี้ ประเพณีตรุษจีน จะดูเป็นเรื่องยุ่งยากของคนไทยแท้ แต่คนไทยเชื้อสายจีนหลายคนคงคุ้นชินกับการต้องเตรียมตัวหลายอย่าง กว่าจะสำเร็จเสร็จการได้ ไหนจะต้องเตรียมของไหว้ ผลไม้ ของคาวและของหวานที่มากมายนับไปถ้วน HappyFresh ช่วยคุณได้ เพราะ บน แอป HappyFresh มีชุดของไหว้สำเร็จรูป ไม่ต้องยุ่งยากออกไปซื้อเองที่ตลาดนัด ช่วยร่นระยะเวลาและลดความยุ่งยากในการเตรียมไหว้ วัน ตรุษจีน 2564 ก็ขอให้ทุกคนเฮง เฮง เฮง มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง อายุยืนกันถ้วยหน้า
อ้างอิง: